การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มเคลื่อนกันคึกคัก ทั้งการออกหลักการใหม่ เพื่อหาคะแนนนิยม แล้วก็ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะออกเดินทางมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้คนที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แล้วก็ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำนาจในการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มเปี่ยม
ทำให้ในตอนนี้ หลายฝ่ายกำลังจับจ้อง แล้วก็ พินิจความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อไร เพราะการยุบสภา ย่อมส่งผลด้านการเมือง กับทุกพรรค แล้วก็ ทุกกลุ่มการบ้านการเมืองเป็นลูกโซ่ ช่วงเวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือว่า ปลดปล่อยยาวจนถึงครบวาระ มันก็ล้วนมีนัยยะด้านการเมืองทั้งสิ้น
แม้แยกจุดโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่ ๆว่าทุกคนก็พอคาดการณ์กันได้อยู่แล้วว่า เขาอยากได้ไปต่อ อีกสองปี โดยชอบด้วยกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วก็ ยุบสภาเมื่อไร
ปัจจุบัน เมื่อเที่ยงวันที่ 12 ธ.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนออกเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ แว่นแคว้นเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวันครบรอบ 45 ปี ความเชื่อมโยง อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธ.ค. 2565
โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรีได้ทักทายสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ
แล้วหลังจากนั้นให้สัมภาษณ์หลังนักข่าวถาม มีความห่วงใยบ้านเมืองอะไร หรือเปล่า ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการดำเนินการไปตามระบบ นายกฯ ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน เพราะ ระดับหลักการ นายกฯได้ออกคำสั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ดำเนินการไป ความสำเร็จก็ตามมา
“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
เมื่อถามหากรณีผลของการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ น้อยลง นายกฯพูดว่า ไม่รู้โพล ใครทำก็ไม่รู้ ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่รู้เช่นกัน ไม่มีผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง นักข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะส่งผลต่อการตัดสินใจ หรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ไม่มี
เมื่อถามคำถามว่า กลับมาจากต่างประเทศคราวนี้ จะแสดงท่าทีด้านการเมืองที่กระจ่าง ได้หรือเปล่า นายกฯ พูดว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”
คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าว ทำให้ถูกตีความได้ว่า หลังจากสำเร็จการประชุมสุดยอดผู้นำ อาเซียน – สหภาพยุโรป หลังวันที่ 15 ธ.ค. ทุกอย่าง จะมีการประกาศความแจ่มชัดออกมา หรือเปล่า แล้วก็ เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือเปล่า
เพราะแม้จำกันได้ ที่ผ่านมา เขาเคยตอบคำถามว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งตามความเป็นจริงในตอนนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตด้านการเมือง แต่ อย่างไรก็ดี ก็ได้ความแจ่มชัดมาและคือ “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ
เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องด้วยมั่นใจว่าเป็นเรื่องของ “มารยาท” เพราะเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้การประกาศทีท่าด้านการเมืองใหม่ จึงจำต้องทอดเวลา ออกไปก่อน
อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการเคลื่อน มีการเปิดนโยบายพรรค
รวมถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างครื้นครึก มันก็แปลงเป็น ตัวเร่งให้เขาจำต้องร่นเวลาเปิดตัว สร้างความแจ่มชัดด้านการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจ แล้วก็ การตัดสินใจของบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ กลุ่มการบ้านการเมือง ได้ตัดสินใจ
อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่จำต้องตัดสินใจด้วย เนื่องด้วย แม้เคลื่อนช้า หรือยังเงียบต่อไป อาจมีผลต่อการตระเตรียมของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้มองเห็นแล้ว แต่ ถึงอย่างไร มันก็ต้องมีความแจ่มชัด
ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ถ้าหากสำรวจบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้วก็ กลุ่มการบ้านการเมือง ที่ประกาศกระจ่างว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กลุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภาคใต้ ปริมาณหนึ่ง
มีรายนามแล้ว 3 – 4 คน กลุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร กลุ่มภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ ยังมั่นใจว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความแจ่มชัดแล้ว น่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกคนจำนวนไม่น้อยตามมาอีก
แม้ว่าคนจำนวนไม่น้อยคิดว่า บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวนมากจะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ต่างอะไรจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการตัดคะแนนกันเองก็ตาม
แต่ ช่วงเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทไม่ได้ก็คือ “กระแส” ที่การบ้านการเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างแน่นแฟ้น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ สำคัญ ๆจะเป็นอย่างนี้ แม้ว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลุ่มใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นคือ “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่กลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ เมื่อประเมินแล้ว มั่นใจว่ายังไม่ได้เติบโต ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของเครือข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า
ส่วนกลุ่มไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้
ที่ใคร่ครวญตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล แล้วก็ “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสแทรกขึ้นมา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง เพราะ มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นจุดชี้ขาด แต่นั่น เป็นเพราะ “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างเต็มตัว
ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 เดือนธันวาคม แล้ว มั่นใจว่าจำต้องกระจ่าง เพราะฝั่งตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก แล้วก็ ขยับไปไกลแล้ว คงจะรอคอยไม่ได้แล้ว
แล้วก็ เมื่อจำต้องประกาศทีท่า มันก็จำต้องเตรียมพร้อม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งแม้เป็นอย่างนี้ มันก็น่าจะเลือกตั้งกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ดังที่เคยประกาศเอาไว้ที่ผ่านมา !!